22/08/2023
รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว Cryptocurrency สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่ม ก็มีรายละเอียดและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน มาดูกันครับว่า 6 กลุ่มนี้ มีอะไรบ้าง
1. กลุ่มรักษามูลค่า (Store of Value)
ข้อสังเกตสำคัญของคริปโทเคอร์เรนซี(Cryptocurrency) กลุ่มนี้ คือ มีจำนวนเหรียญจำกัด ที่ไม่สามารถผลิตขึ้นมาใหม่เองได้ เช่น Bitcoin ถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีเหรียญแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในปัจจุบัน โดยเหรียญมีจำนวนจำกัดแค่เพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ด้วยกฎของ Demand & Supply จึงทำให้เหรียญนี้มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ หากนักลงทุนทั่วโลกสนใจและต้องการถือครอง Bitcoin พร้อมๆ กัน เหรียญเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกับสินทรัพย์มีค่า อย่างเช่น ทองคำในโลกปัจจุบัน ที่แปลงมาอยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังมี Litecoin (LTC) ที่เป็นเหรียญในสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ของกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน
2. กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
เป็นกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายบล็อกเชนในรูปแบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างและพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ บนบล็อกเชนได้อย่างสะดวก ราบรื่น ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซี ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Ethereum (ETH), Cardano (ADA), Polkadot (DOT) เป็นต้น
3. กลุ่มส่งต่อมูลค่า (Value Transfer)
เหรียญกลุ่มนี้ สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่อยากให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกัน โดยใช้หลักการส่งต่อมูลค่าผ่านอินเทอร์เน็ต ตัวอย่าง คริปโทเคอร์เรนซีในกลุ่มนี้ ได้แก่ XLM หรือ Stellar ที่ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายการชำระเงินพื้นฐานที่อยู่ภายใต้ RippleNet ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบ Open-source
4. กลุ่มเหรียญออราเคิล (Oraclecoin)
Oracle คือรูปแบบการบริการที่เชื่อมต่อข้อมูลในบล็อกเชนกับข้อมูลภายนอก เพื่อให้ DeFi สามารถดึงข้อมูลต่างๆ มาใช้งานได้ ไม่ว่าเป็น ราคาเหรียญ ราคาสินทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Oraclecoin นี้ ได้แก่ Chainlink (LINK) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลเพื่อใช้ในการโอนเหรียญ ดังนั้น เหรียญ LINK จึงมีส่วนสำคัญที่ส่งผลให้การทำธุรกรรมในระบบบล็อกเชนนี้สำเร็จ ราบรื่น ไปได้ด้วยดี
5. กลุ่มเหรียญอ้างอิงสกุลเงินหลัก (Stablecoin)
เป็นกลุ่มสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่อ้างอิงมูลค่าเงินหรือทรัพย์สินที่มีค่าที่ออกโดยรัฐบาล ในอัตราส่วนเทียบเท่า 1:1 กับสกุลเงินปัจจุบัน (Fiat Currency) เหรียญกลุ่มนี้ เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ได้แก่ USDT, DAI เป็นต้น
6. กลุ่มเหรียญมีม (Memecoin)
ต้นกำเนิดของเหรียญกลุ่มนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานหรือล้อเลียนเหรียญหลักอย่างเช่น Bitcoin ซึ่งเหรียญประเภทนี้ โดยธรรมชาติมักจะเป็นเหรียญที่มีความผันผวนสูง และขึ้นลงตามกระแส ยกตัวอย่างเช่น การขึ้น-ลงของราคาเหรียญ Dogecoin (DOGE) ที่เกิดขึ้นจากการทวิตของ อีลอน มัสก์ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เป็นต้น